รีวิว Civil War (2024) วิบัติสมรภูมิเมืองเดือด

รีวิว Civil War (2024) วิบัติสมรภูมิเมืองเดือด

สงครามกลางเมืองได้ปะทุขึ้นในสหรัฐอเมริกา ทีมนักข่าวกล้าหาญออกเดินทางข้ามประเทศที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งเพื่อบันทึกการปะทะกันอันดุเดือดครั้งนี้

Civil War วิบัติสมรภูมิเมืองเดือด หนังนอกสายตาที่ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อมากนักในช่วงแรก แต่กลับกลายเป็นหนังที่นักวิจารณ์ยกให้เป็นไฮไลต์ที่ห้ามพลาดในปี 2024 ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ท้าทายและดึงดูดใจ ผสมผสานระหว่างการเมืองและการสงครามอย่างลงตัว ทำให้หนังเรื่องนี้เริ่มได้รับความสนใจจากผู้ชมมากขึ้น โดยเฉพาะกับกระแสของสงครามอิสราเอลในช่วงนี้ที่กำลังจะทวีความรุนแรงมากขึ้นด้วย

Civil War วิบัติสมรภูมิเมืองเดือด จะเล่าถึงในโลกอนาคตที่กำลังไม่แน่นอน สงครามกลางเมืองครั้งที่ 2 ได้ปะทุขึ้นในสหรัฐอเมริกา ทีมนักข่าวกล้าหาญออกเดินทางข้ามประเทศที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง เพื่อบันทึกการปะทะกันอันดุเดือดระหว่างกองกำลังสหรัฐฯ และกลุ่มกบฏตะวันตกสุดโต่ง กลุ่มกบฏเหล่านี้มุ่งมั่นที่จะแยกตัวรัฐเท็กซัสและแคลิฟอร์เนียออกจากรัฐบาลกลาง โดยอ้างว่ารัฐบาลได้กลายเป็นเผด็จการ แต่สุดท้ายแล้วจะมีจุดจบเช่นไรนั้นต้องติดตามรับชมกัน

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานมาสเตอร์พีสเรื่อง Civil War ของผู้กำกับอเล็กซ์ การ์แลนด์ ผู้คร่ำหวอดในวงการภาพยนตร์มายาวนานในฐานะนักเขียนบทที่ได้รับการยอมรับ ซึ่งการ์แลนด์เองก็รับหน้าที่กำกับและเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยตนเอง และถ่ายทอดเรื่องราวออกมาอย่างคมคายและทรงพลังในทุกแง่มุมของภาพยนตร์ ฉากต่างๆ ถูกเรียงร้อยอย่างลงตัวดีมากๆ ซึ่งหากคาดหวังว่า Civil War นี้จะนำเสนอฉากสงครามที่ดุเดือดและการเมืองที่เข้มข้นนั้นอาจต้องผิดหวังเล็กน้อย เนื่องจากตัวหนังได้เลือกใช้รูปแบบการเล่าเรื่องที่เน้นฉากสงครามเป็นเพียงองค์ประกอบเสริมเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรังสรรค์ฉากสงครามต่างๆ ออกมาได้อย่างทรงพลังและน่าทึ่งอย่างมาก

บอกก่อนเลยว่าเรื่องนี้มาจากค่าย A24 ซึ่งมักจะสร้างภาพยนตร์เฉพาะกลุ่ม ดังนั้น Civil War วิบัติสมรภูมิเมืองเดือด จึงอาจจะไม่ใช่ภาพยนตร์แอคชันสงครามฟอร์มยักษ์ทั่วไป แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของนักข่าวและช่างภาพสงคราม ทำให้ตลอดเวลาเกือบ 90 นาทีของภาพยนตร์ ผู้ชมจะได้สัมผัสประสบการณ์ผ่านสายตาของนักข่าวภาคสนามขณะที่พวกเขาต้องเผชิญกับความน่ากลัวและอันตรายของสงครามจริง ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้เจาะลึกถึงสาเหตุของสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้น แต่ปล่อยให้ผู้ชมตีความเอง ซึ่งเป็นกลยุทธ์การเขียนบทที่ชาญฉลาดของอเล็กซ์ การ์แลนด์ จริงๆ ปรบมือให้เลย

ด้านงานสร้างงานภาพของเรื่องนี้ก็จัดว่าโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะฉากสงครามที่เรียกว่าเดือดจริง เรียลมากๆ โดยเฉพาะในช่วงสุดท้ายของหนังที่ระเบิดอารมณ์ของสงครามออกมาอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นและติดตามไปกับเหตุการณ์ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังได้ออกแบบเทคนิคด้านเสียงที่เอาเข้ามาอย่างลงจังหวะก็ทำให้โดดเด่นไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเมื่อรับชมในโรงภาพยนตร์ระบบเสียงหลายมิติแบบนี้ เสียงซาวด์ต่างๆ จึงกลายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับผู้ชม และเมื่อนำมาใช้ในฉากสงครามยิ่งช่วยกระตุ้นอารมณ์ให้ถึงขีดสุด เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ควรค่าแก่การยกย่องเอามากๆ อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยเทคนิคการสร้างที่ยิ่งใหญ่อลังการ โดยเฉพาะงานภาพถ่ายและการตัดต่อที่ลื่นไหล การผสมผสานภาพเคลื่อนไหวและภาพนิ่งได้อย่างลงตัว สะท้อนมุมมองผ่านภาพข่าวของช่างภาพสงครามได้อย่างเข้มข้น

แม้ตัวละครและนักแสดงอาจไม่โดดเด่นหรือมีชื่อเสียงดังเท่าไร แต่ฝีมือการแสดงที่ยอดเยี่ยมของนักแสดงทุกคนในเรื่องนั้นต้องยอมรับเลยว่าช่วยยกระดับให้หนังเรื่องนี้โดดเด่นขึ้นได้มากจริงๆ อย่าง เคียสเตน ดันท์ ที่ถ่ายทอดบทบาทที่อาจไม่โดดเด่นที่สุด แต่ความเป็นมืออาชีพของเธอช่วยประคองตัวหนังเอาไว้ได้อย่างดีจนจบเรื่อง เราจะได้เห็นเธอผนึกกำลังกับวากเนอร์ มูราและสตีเฟน แม็คเคนลีย์ เฮนเดอร์สัน เพื่อสร้างทีมนักแสดงที่ไม่ว่าใครก็ต้องปรบมือให้กับผลงานของพวกเขาในเรื่องนี้จริงๆ เพราะมันดีมาก ส่วร คาลี สแปนีย์ ดาวรุ่งพุ่งแรงจากภาพยนตร์เรื่อง Priscilla ก็กลับมาเปล่งประกายอีกครั้งในบทช่างภาพข่าวภาคสนามมือใหม่ ทำให้เราเห็นการพัฒนาชัดตลอดทั้งเรื่อง ถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าประทับใจ แม้จะมีบทพูดไม่มากแต่การสื่อสารของบทตัวละครนี้เองที่ทำให้การเดินเรื่องมีความน่าติดตามมากขึ้น

Civil War วิบัติสมรภูมิเมืองเดือด ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์ต่างประเทศให้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ควรค่าแก่การรับชมมากที่สุดในปี 2024 นี้ เพราะด้วยองค์ประกอบที่ยอดเยี่ยมในทุกๆ ด้าน บวกกับเป็นผลงานชิ้นเอกของอเล็กซ์ การ์แลนด์ ที่จัดว่าเรื่องนี้โดดเด่นทางด้านของสไตล์การเล่าเรื่องที่แปลกใหม่และทำออกมาได้น่าสนใจจริงๆ เพราะนำเสนอหนังแนวสงครามกลางเมืองในมุมมองที่ไม่เหมือนใครมาก่อน และเชื่อว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์โปรดแห่งปี 2024 ของใครหลายๆ คนอย่างแน่นอน