Locked In ต้องขัง (2023)

Locked In ต้องขัง (2023)

ภาพยนตร์ระทึกขวัญจิตวิทยา เล่าเรื่องของครอบครัวโรลลิง ที่ทั้งความรัก ความสัมพันธ์  ความลับสุดแสนจะขมขื่น ซับซ้อนอันตรายที่ใครก็คาดไม่ถึง

Locked In ต้องขัง ภาพยนตร์ระทึกขวัญแนวจิตวิทยาที่กำกับโดย Nour Wazzi นำแสดงโดย Finn Cole ในบท Sam, Rose Williams ในบท Grace และ Famke Janssen ในบท Dr. Ellen Miller ที่เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์อันลึกลับซับซ้อนของครอบครัวโรลลิง ทั้งความรัก ความสัมพันธ์  และความลับที่สุดแสนจะขมขื่น หลังจากที่ต้องไปดูแลคนไข้ที่ป่วยโคม่า สุดหักมุมซับซ้อนและอันตรายที่ใครก็คาดไม่ถึง

เริ่มต้นด้วยเรื่องราวของ แคทเธอรีน โรลลิง ดาราสาวชื่อดัง ที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนร่างกายเป็นอัมพาตและไม่สามารถสื่อสารได้ เธอต้องใช้ชีวิตอยู่ในห้องผู้ป่วยติดเตียงเป็นเวลานานหลายปีจนกระทั่งวันหนึ่ง ลีน่า ลูกบุญธรรมของแคทเธอรีน ตัดสินใจจ้างพยาบาลสาวชื่อเกรซ เพื่อมาดูแลแคทเธอรีน โดยเกรซนั้นถือว่าเเป็นคนฉลาดและมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือแคทเธอรีนให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง

เกรซพยายามหาวิธีสื่อสารกับแคทเธอรีน จนเธอได้ใช้วิธีการต่างๆ มากมาย เช่น การใช้พยัญชนะเพื่อให้แคทเธอรีนกระพริบตาตามตัวอักษร จนในที่สุด เกรซก็ประสบความสำเร็จที่สามารถสื่อสารกับแคทเธอรีนได้ ทำให้แคทได้เล่าให้กับเธอฟังว่าตัวเธอนั้นไม่ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่ถูกฆาตกรรม และฆาตกรคือสามีของเธอแต่รอดมาได้ แคทเธอรีนยังได้ขอให้เกรซช่วยเธอพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอก่อนที่จะสายไป

ทำให้เกรซและลีน่าเริ่มสืบสวนคดีนี้ จนพวกเธอได้พบว่าสามีของแคทเธอรีนมีความสัมพันธ์ลับๆ กับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และเขาอาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรม พวกเธอทั้งคู่จึงได้พยายามรวบรวมหลักฐานเพื่อมัดตัวสามีของแคทเธอรีน แต่ในระหว่างเดียวกันนั้นเองที่พวกเธอกลับต้องเผชิญกับอันตรายมากมายที่ไม่เคยรู้มาก่อน

บอกเลยว่านี่คือหนังที่จะทำให้ผู้รับชมได้ไปสัมผัสกับปมปริศนาที่ซับซ้อน ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากความรักและการนอกใจ จนนำมาซึ่งความเจ็บปวดและความสูญเสีย เราจะได้เห็นด้านมืดของตัวละครต้นเหตุ ทั้งความโลภและความริษยา ที่หนังจะค่อยๆ คลายปมความลับออกมาทีละน้อยๆ จนจบเรื่อง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่มีพล็อตซับซ้อนและการแสดงที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม Locked In ต้องขัง เรื่องนี้ถือว่ามีฉากที่ค่อนข้างยืดเยื้อไปหน่อย สำหรับใครที่ไม่ชอบหนังที่มีฉากพูดคุยกันนานๆ ก็อาจจะไม่แนะนำเท่าไร แต่ถ้าใครดูแล้วชอบแนวนี้ไม่กลัวหลับก็ดูได้เลย เพราะช่วงท้ายๆ ของเรื่องที่ปมต่างๆ เริ่มคลี่คลายมาจนหมดแล้วก็ถือว่าเป็นช่วงพีคที่บีบหัวใจได้ดีทีเดียว โดยรวมถือว่าประสบความสำเร็จทั้งด้านจิตวิทยาที่ผสมผสานระหว่างความตื่นเต้นและความดราม่า และการมีพล็อตเรื่องที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน จะถูกใจหรือไม่ต้องไปติดตามรับชมกัน