Minna No Uta หรือที่รู้จักกันในชื่อไทยว่า เทปผีดุ ผลงานการกำกับภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องล่าสุดของ ทาคาชิ ชิมิซุ ผู้กำกับ J-Horror ในตำนานจากผลงานดังอย่าง Ju-On: The Grudge และ The Ring แถมได้นักแสดงนำวัยรุ่นเจนใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตากันเลยอย่าง อลัน ชิราฮามะ, เรียวตะ คาตาโยเสะ, โคโมริ ฮายาโตะ, เรโอ ซาโนะ และอีกมากมาย
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ซานะ เด็กสาวลึกลับที่เสียชีวิตอย่างปริศนา และทิ้งเทปคาสเซ็ตบันทึกเสียงเพลงไว้เบื้องหลัง ทำให้ผู้ที่ฟังเพลงจากเทปนี้จะต้องฮัมเพลงออกมา และพบกับเหตุการณ์สุดสยองที่ต้องแลกด้วยชีวิต บทเพลงมรณะนี้กำลังเกิดขึ้นกับวงบอยแบนด์ชื่อดังอย่าง Generations ที่กำลังเตรียมตัวออกอัลบั้มใหม่ เมื่อสมาชิกในวงเริ่มได้ยินทำนองเพลงแปลกประหลาดหลังจากนั้นก็ได้พบกับเหตุการณ์ประหลาดและเหนือธรรมชาติ และทำให้พวกเขาต้องตายไปทีละคน
นี่คือความหลอนสไตล์ J-Horror ที่ใครเป็นคอหนังสยองขวัญน่าจะคุ้นเคยกันดีจากเรื่องก่อนๆ ของผลงานจาก ทาคาชิ ชิมิซุ โดยที่ครั้งนี้ได้กลับมาอีกครั้งในเรื่อง Minna No Uta ที่ก็ต้องบอกว่ามีเค้าโครงคล้ายๆ กับเดอะริง ที่เปลี่ยนจากจอทีวีเป็นเทปผีนั่นเอง แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศชวนขนลุก ตัวละครลึกลับชวนขนหัวลุก หรือฉาก jump scare ที่ยังน่ากลัวไม่เคยเปลี่ยน
การขายฉากบรรยากาศชวนขนลุกของหนังนั้น เริ่มต้นตั้งแต่ฉากเปิดเรื่อง ที่เผยให้เห็นห้องนอนของซานะ เด็กสาวลึกลับที่เสียชีวิตอย่างปริศนา บรรยากาศของห้องนอนที่ดูมืดหม่นและรกร้าง เต็มไปด้วยของใช้ที่รกรวมไปถึงตุ๊กตาหมีขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง จนกระทั่งเธอโผล่มาอีกครั้งในการเป็นผีหลักของเรื่อง เด็กสาวลึกลับที่เสียชีวิตอย่างปริศนา ผมยาวสลวย ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาลึกลับ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์สุดสยอง
ฉาก jump scare ของหนังนั้น ยังคงเป็นจุดเด่นที่สร้างความหลอนให้กับคนดูได้เป็นอย่างดี หนังใช้ฉากนี้ได้อย่างถูกจังหวะ เรียกว่าใจหายกันเลยทีเดียว แนะนำว่าใครที่เป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจไม่ควรรับชมจะดีกว่า ส่วนด้านอื่นๆ อย่างการผสมผสานความเป็นสไตล์ J-Horror กับยุคปี 2023 นี้ก็ถือว่าทำได้ดีมาก เรียกว่ายังไม่ตกยุคและยังคงความขลังด้วยมนต์เสน่ห์อย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้
โดยรวมแล้วนั้นต้องบอกว่า Minna No Uta นี่เป็นการกลับมาของภาพยนตร์สยองขวัญ J-Horror ที่น่าติดตามอีกเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ องค์ประกอบทุกอย่างก็ทำออกมาได้ดีทีเดียว แต่บทสรุปอาจจะไม่ชัดเจนไปหน่อย เพราะหนังไม่ได้เฉลยสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ซานะต้องตาย และที่มาของบทเพลงมรณะ จึงทำให้ผู้ชมรู้สึกคาใจได้เหมือนกัน เอาเป็นว่าต้องลองไปติดตามรับชม