The Girl on the Train ภาพยนตร์ระทึกขวัญสุดลึกลับที่ดัดแปลงจากนวนิยาย กำกับโดย Ribhu Dasgupta เล่าเรื่องราวของรานีหญิงสาวที่ประสบภาวะซึมเศร้าหลังจากการหย่าร้างกับสามี และเธอมักใช้เวลายามเช้านั่งรถไฟเพื่อผ่านบ้านของอดีตสามีและภรรยาใหม่ รานีมักจินตนาการว่าชีวิตของเธอคงจะเป็นอย่างไรหากเธอยังแต่งงานกับอดีตสามีอยู่แบบเดิม จนกระทั่งวันหนึ่งเธอเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่ระเบียงบ้านของอดีตสามี เธอจึงถ่ายภาพเก็บไว้แต่หลังจากนั้นไม่นาน หญิงสาวคนนั้นก็หายตัวไปอย่างลึกลับ
รานีที่เริ่มสงสัยว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของหญิงสาวคนนั้น เธอจึงเริ่มสืบสวนด้วยตัวเองจนได้พบว่าหญิงสาวคนนั้นชื่อมิยา เป็นภรรยาใหม่ของอดีตสามีของเธอ แม้ภายนอกจะดูเป็นผู้หญิงที่สวย เพอร์เฟ็กต์ แต่กลับมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับอดีตสามีของรานี เธอจึงเริ่มสงสัยว่ามิยาอาจกำลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้ จนระหว่างที่รานีกำลังสืบสวนอยู่นั้นก็ได้พบกับคนแปลกหน้าคนหนึ่งชื่อซานจาย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานในคดีการหายตัวไปของมิยา รานีและซานจาย์จึงร่วมมือกันสืบสวนคดีนี้ให้กระจ่างให้ได้
ก่อนอื่นเลยต้องชื่นชมให้กับการแสดงของ Parineeti Chopra ที่เล่นบทรานี ออกมาได้ดีมาก สามารถถ่ายทอดอารมณ์ตัวละครออกมาได้หลายแง่มุมจริงๆ โดยเฉพาะอารมณ์ซึมเศร้าและความสิ้นหวังอยากในฉากที่รานีกำลังนั่งรถไฟผ่านบ้านของอดีตสามีและภรรยาใหม่ เธอมองเห็นมิยากำลังยืนอยู่ที่ระเบียงบ้าน แลถจินตนาการว่าตัวเองเป็นมิยาที่กำลังมีชีวิตที่มีความสุขกับอดีตสามีของเธอ ฉากนี้แสดงให้เราเห็นว่ารานียังจมอยู่กับอดีตและไม่สามารถปล่อยวางได้
เรื่องราวมีความน่าติดตามและลุ้นระทึก แถมบทสรุปของเรื่องก็ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ ในตอนท้ายของเรื่องที่รานีได้ค้นพบความจริงว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของมิยา เธอจึงพยายามแก้ไขสิ่งที่เธอทำผิด ฉากนี้สร้างความตื่นเต้นอย่างมาก เพราะผู้ชมไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเรื่องราวจะจบลงอย่างไรได้เลยจนกว่าจะไขคำตอบได้
ถึงอย่างนั้นหนังเรื่องนี้ถือว่าดำเนินเรื่องค่อนข้างช้า เพราะในช่วงครึ่งแรกจะเน้นไปที่การถ่ายทอดอารมณ์ของรานีเป็นหลัก เล่าเรื่องผ่านตัวละครนี้อย่างเดียวเพื่อให้คนดูเห็นและเข้าใจถึงอารมณ์และความรู้สึกลึกๆ ข้างใน จนเราเองก็รู้สึกว่ามันหม่นหมองจริงๆ นอกจากนี้ตัวละครบางตัวมีบทบาทน้อยเกินไป เช่น ตัวละครของซานจาย์ที่มีบทบาทสำคัญในการสืบสวนคดีการหายตัวไปของมิยา แต่กลับไม่ได้ให้ความสำคัญกับตัวละครนี้มากเท่าไร
โดยรวมแล้วถือว่า The Girl on the Train เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญลึกลับที่ทำได้ค่อนข้างดี มีเรื่องราวที่น่าติดตาม แม้จะมีเวอร์ชันภาษาอังกฤษที่ออกฉายมาก่อนหน้านี้แล้วแต่ก็ยังถือว่าในเวอร์ชั่นนี้ทำออกมาได้ดีกว่ามากๆ การดำเนินเรื่องที่รวดเร็วกว่าและตัวละครบางตัวมีบทบาทที่ชัดเจนกว่า ให้ฟีลลิ่งที่ลุ้นระทึกมากกว่าอีกด้วย ใครที่ชื่นชอบหนังสืบสวนลึกลับที่เป็นอีกเรื่องที่ต้องดู